Credit : คนแปลเกม คุณเม่นแปลเกม
เค้าทำเกมแปลไว้เยอะเลย มีหลายเกมที่ผมไม่ได้กล่าว ถ้าชอบก็ติดตามผลงาน และ ช่วยสนับสนุนเค้าได้ครับ
Bravely Default II – การกลับมาของตำนาน RPG สายคลาสสิก
บทนำ
ในยุคที่เกม RPG สมัยใหม่มักเน้นกราฟิกอลังการและระบบที่ซับซ้อน หลายคนอาจคิดว่าเสน่ห์ของ JRPG สายคลาสสิก ได้เลือนหายไปแล้ว แต่ซีรีส์ Bravely Default ของ Square Enix ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความสนุกแบบดั้งเดิมยังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัว และในปี 2021 พวกเขาได้ส่ง Bravely Default II มาต่อยอดความสำเร็จบนเครื่อง Nintendo Switch
เกมนี้ไม่เพียงแต่สานต่อแนวทางของซีรีส์ แต่ยังมีการปรับปรุงด้านกราฟิก, ดนตรี, และระบบการเล่น ให้ทันสมัยขึ้นโดยไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็น RPG แบบ Final Fantasy ยุคเก่า
ประวัติและที่มา
- ภาคแรก (Bravely Default: Flying Fairy) เปิดตัวบน Nintendo 3DS ปี 2012 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้น
- Bravely Second: End Layer ตามมาในปี 2015 แม้เสียงตอบรับจะไม่แรงเท่าภาคแรก แต่ยังมีฐานแฟนเหนียวแน่น
- Bravely Default II เปิดตัวบน Switch ในปี 2021 โดยใช้ Unreal Engine 4 และวางตัวเป็น "ภาคใหม่" ที่ไม่เชื่อมกับเนื้อเรื่องเดิม
นั่นหมายความว่า ผู้เล่นที่ไม่เคยสัมผัสภาคก่อน ๆ ก็สามารถเล่นภาคนี้ได้ทันที โดยไม่สับสนในเนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของ Bravely Default II เกิดขึ้นในทวีป Excillant ซึ่งแบ่งออกเป็นห้าราชอาณาจักร ผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครหลัก 4 คน ได้แก่
- Seth – กะลาสีหนุ่มผู้ลอยมาติดฝั่งและกลายเป็นพระเอกของเรื่อง
- Gloria – เจ้าหญิงจากอาณาจักรที่ล่มสลาย ออกเดินทางเพื่อตามหา "คริสตัลแห่งธาตุ"
- Elvis – นักวิชาการผู้คร่ำหวอดด้านเวทมนตร์ มีนิสัยรักสนุก
- Adelle – ทหารรับจ้างผู้มีปริศนาในอดีต และเป็นคู่หูของ Elvis
ทั้งสี่ต้องร่วมมือกันตามหา คริสตัลธาตุทั้งสี่ (ไฟ, น้ำ, ลม, ดิน) เพื่อกอบกู้โลกจากหายนะ
ระบบการเล่น (Gameplay)
1. Brave & Default
หัวใจของเกมคือระบบ Brave และ Default ซึ่งเป็นการพลิกแพลงการต่อสู้แบบ Turn-based RPG
- Brave: ใช้การโจมตีหลายครั้งในเทิร์นเดียว แต่ต้องแลกกับการเสีย BP (Brave Points)
- Default: ตั้งรับเพื่อสะสม BP แล้วใช้ทีหลัง ทำให้สามารถปลดปล่อยคอมโบสุดโหดได้
ระบบนี้ทำให้การต่อสู้มีทั้งเชิงกลยุทธ์และการเสี่ยงดวง ผู้เล่นต้องคำนวณว่าจะบุกหรือจะรับในแต่ละจังหวะ
2. Job System
เกมนี้ใช้ระบบ Job (อาชีพ) ที่คล้าย Final Fantasy V ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาชีพและปรับสกิลได้อย่างอิสระ
- Job หลัก เช่น Monk, White Mage, Black Mage, Thief, Vanguard
- Job พิเศษ (Asterisk) ได้จากการปราบบอส ทำให้การต่อสู้มีแรงจูงใจมากขึ้น
3. การสำรวจและโลกกว้าง
- มีแผนที่โลกแบบ Open-world ขนาดย่อม
- เมืองและดันเจียนถูกออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์
- กราฟิกใช้สไตล์ "Diorama Art" ให้ความรู้สึกเหมือนโมเดลเล็ก ๆ น่ารักแต่เต็มไปด้วยรายละเอียด
กราฟิกและงานศิลป์
แม้ Bravely Default II ไม่ใช่เกมที่มีกราฟิกสมจริงระดับ AAA แต่ทีมงานเลือกใช้ งานศิลป์ที่โดดเด่น
- ตัวละครออกแบบในสไตล์ SD (หัวโต ตัวเล็ก)
- ฉากเมืองและทุ่งหญ้าเหมือนงานศิลปะที่มีชีวิต
- เอฟเฟกต์เวทมนตร์และการโจมตีอลังการแต่ยังคงความอบอุ่นแบบ JRPG
ดนตรีประกอบ
อีกหนึ่งจุดขายของเกมคือ ดนตรีประกอบโดย Revo (Linked Horizon) ผู้ที่เคยทำเพลงให้ Attack on Titan
- เพลงบอสไฟต์เร้าใจจนแฟน ๆ ยกให้เป็นหนึ่งใน OST RPG ที่ดีที่สุดของทศวรรษ
- เพลงเมืองและโลกเปิดให้อารมณ์เหมือนผจญภัยในนิทานแฟนตาซี
การตอบรับจากผู้เล่น
- เว็บไซต์ Metacritic ให้คะแนนเฉลี่ย 76/100
- สื่อญี่ปุ่นอย่าง Famitsu ให้คะแนน 36/40
- แฟน ๆ หลายคนชื่นชมระบบ Job และการต่อสู้ แต่ก็มีเสียงบ่นเรื่องความยากและ Grinding ที่เยอะเกินไป
แม้จะไม่ใช่ "Masterpiece" แต่ก็ถูกยกให้เป็น JRPG คุณภาพสูงที่แฟนเกมสายคลาสสิกห้ามพลาด
ความนิยมและความสำคัญ
- ตัวแทน JRPG ยุคใหม่ – เกมนี้สะท้อนว่าสตูดิโอยังกล้าทำเกม RPG แบบดั้งเดิมในยุคที่คนเริ่มหันไปเล่น Action RPG
- ฐานแฟนเหนียวแน่น – ซีรีส์ Bravely มีแฟนติดตามทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและอเมริกา
- ความเป็นเอกลักษณ์ – ระบบ Brave/Default และ Job System ทำให้มันแตกต่างจาก RPG เกมอื่นในตลาด
สรุป
Bravely Default II คือเกมที่สานต่อจิตวิญญาณของ JRPG แบบดั้งเดิมในยุคใหม่ แม้จะไม่ได้มีกราฟิกหรูหราระดับ AAA แต่ความลึกซึ้งของระบบการเล่น เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ตัวละครที่น่าจดจำ และดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่แฟนสายคลาสสิกต้องลอง
ถ้าคุณคิดถึงบรรยากาศ RPG แบบ Final Fantasy สมัย Super Famicom หรืออยากสัมผัสความท้าทายที่ต้องใช้กลยุทธ์มากกว่าแค่กดโจมตี Bravely Default II คือคำตอบที่ใช่