Bloodstained: Ritual of the Night – การ Crossover สุดเซอร์ไพรส์กับ Journey
บทนำ
วงการเกมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรามักได้เห็นการ Crossover ระหว่างเกมต่างค่ายบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำสกิน, ไอเทม, หรือแม้กระทั่งตัวละครมารวมอยู่ในเกมอื่น ๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้แฟน ๆ ล่าสุดหนึ่งในเกมแอ็กชันที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดอย่าง Bloodstained: Ritual of the Night ก็ได้สร้างกระแสครั้งใหม่ด้วยการประกาศ Crossover กับเกมอินดี้ระดับตำนาน Journey ซึ่งเป็นการจับคู่ที่หลายคนไม่คาดคิด แต่กลับลงตัวอย่างน่าประทับใจ
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงความเป็นมาของ Bloodstained, รายละเอียดของการ Crossover กับ Journey, ผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงการ และเหตุผลว่าทำไมแฟน ๆ ถึงให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
Bloodstained: Ritual of the Night คือเกมอะไร?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับ Bloodstained: Ritual of the Night กันก่อน เกมนี้ถือเป็นผลงานของ Koji Igarashi ผู้เป็นตำนานในวงการเกมที่เคยสร้าง Castlevania: Symphony of the Night หนึ่งในเกม Metroidvania ที่โด่งดังที่สุด
- แนวเกม: Metroidvania / Action RPG
- จุดเด่น: การสำรวจปราสาทขนาดใหญ่, อัปเกรดสกิล, เก็บอาวุธหลากหลาย, และการต่อสู้กับบอสที่ท้าทาย
- กราฟิก: ใช้สไตล์ 2.5D (โมเดล 3D แต่เล่นแบบ 2D Side-scrolling)
- การตอบรับ: ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์และแฟน ๆ ว่าเป็น ผู้สืบทอดจิตวิญญาณของ Castlevania อย่างแท้จริง
Bloodstained ไม่ใช่เกมฟอร์มยักษ์ แต่เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และมีฐานแฟนเหนียวแน่นทั่วโลก
Journey – ตำนานเกมอินดี้ที่แตกต่าง
ทางฝั่งของ Journey ผลงานจาก thatgamecompany เป็นเกมอินดี้ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ "ศิลปะ" ที่สุด
- แนวเกม: Adventure / Exploration
- จุดเด่น: ไม่มีการต่อสู้ แต่ใช้การเดินทางและดนตรีเป็นตัวเล่าเรื่อง
- กราฟิก: เรียบง่าย อาร์ตสวยงาม เน้นบรรยากาศทะเลทราย
- ความนิยม: เคยคว้ารางวัล Game of the Year จากหลายสำนัก และถูกพูดถึงว่าเป็น "เกมที่ทำให้ผู้เล่นร้องไห้ได้โดยไม่ต้องมีบทพูดสักคำ"
การนำ Journey มาร่วมใน Bloodstained จึงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะสองเกมนี้ต่างแนวกันโดยสิ้นเชิง
รายละเอียดการ Crossover Bloodstained x Journey
การ Crossover ที่ประกาศออกมา ทำให้ผู้เล่น Bloodstained สามารถสัมผัสบรรยากาศของ Journey ได้ภายในเกมในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น
- โหมดดันเจียน Journey
- เพิ่มพื้นที่ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทะเลทรายใน Journey
- ผู้เล่นจะได้เจอศัตรูและปริศนาที่ออกแบบมาให้เหมือนการเดินทางใน Journey
- สกินและคอสตูม
- ตัวละครหลัก Miriam สามารถสวมชุด "Traveler" ได้
- มีผ้าพันคอยาวสีแดงที่โบกสะบัดตามเอกลักษณ์ของ Journey
- ดนตรีประกอบ
- เพิ่มเพลงธีมจาก Journey ที่ปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ Bloodstained
- ดนตรีเน้นบรรยากาศอบอุ่นและลึกลับ
- ไอเทมพิเศษ
- "Cloth of Ascension" ไอเทมที่ทำให้ผู้เล่นสามารถกระโดดต่อเนื่องคล้ายกับการลอยใน Journey
- ทำให้การสำรวจในปราสาทมีมิติใหม่มากขึ้น
ทำไมแฟน ๆ ถึงตื่นเต้นกับการ Crossover นี้?
- ต่างขั้วแต่ลงตัว – Bloodstained เน้นแอ็กชันต่อสู้ ส่วน Journey เน้นการเดินทางสงบเงียบ การรวมกันจึงสร้างความแปลกใหม่
- สายแฟนอินดี้และสายแฟนเมโทริดเวเนียมาพบกัน – เกมสองกลุ่มแฟนที่ต่างกัน ได้มีโอกาสเชื่อมต่อกัน
- เป็นการต่อยอดที่ไม่คาดคิด – การ Crossover ไม่ได้เป็นเพียงการขายสกิน แต่มีเนื้อหาดันเจียนใหม่จริง ๆ
ผลกระทบต่อวงการเกม
- ด้านการตลาด: การจับมือกันระหว่างเกม AA และเกมอินดี้ เป็นการยกระดับชื่อเสียงให้ทั้งคู่
- ด้านผู้เล่น: สร้างแรงบันดาลใจให้เกมเมอร์ที่อาจไม่เคยเล่น Journey หันมาสนใจ และแฟน Journey ก็อยากลอง Bloodstained
- ด้านวัฒนธรรมเกม: เป็นตัวอย่างของการ "ผสมโลกต่างกัน" ที่ทำได้อย่างเคารพต้นฉบับ ไม่ใช่การยัดเยียด
สรุป
การ Crossover ระหว่าง Bloodstained: Ritual of the Night และ Journey ถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์น่าสนใจของวงการเกมในปีนี้ เพราะมันไม่ใช่แค่การนำสกินมาขาย แต่เป็นการสร้าง "ประสบการณ์ใหม่" ที่แฟนทั้งสองเกมสามารถเพลิดเพลินร่วมกันได้
แฟน ๆ Bloodstained จะได้ลองบรรยากาศอบอุ่น ลึกลับ และศิลป์แบบ Journey ในขณะที่แฟน Journey จะได้เห็นเกมที่แตกต่างอย่าง Metroidvania สอดแทรกกลิ่นอายการเดินทางที่คุ้นเคย เป็นการผสมผสานที่ลงตัวเกินคาด
ดังนั้น ถ้าคุณคือแฟนเกมแอ็กชันที่ชื่นชอบความท้าทาย หรือแฟนเกมอินดี้ที่รักงานศิลปะ Bloodstained x Journey Crossover คือคอนเทนต์ที่ไม่ควรพลาด